สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาฯ ชู 4 โมเดล พัฒนากำลังคน

สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาฯ ชู 4 โมเดล พัฒนากำลังคน

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการอํานวยการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ได้มีการรายงานต่อที่ประชุมถึงมาตรการพัฒนากำลังคนทักษะอนาคต โดยมีศาสตราจารยพิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุม ซึ่งในการประชุมได้อ้างถึงผลสำรวจของ World Economic Forum ที่รายงานไว้ เมื่อปี ค.ศ. 2020 ว่า สถานการณ์โลกที่ส่งผลต่อระบบพัฒนากำลังคนและการจ้างงาน ก่อให้เกิดความต้องการแรงงานในงานแห่งอนาคต ที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนา อาทิ

นักวิเคราะห์ข้อมูลและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Analysts and Scientists), ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (AI and Machine Learning Specialists), ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Specialists), ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและกลยุทธ์ดิจิทัล (Digital Marketing and Strategy Specialists) ฯลฯ

นอกจากนี้ ผลสำรวจสมรรถนะบุคลากรในอนาคตสาหรับ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ระหว่างปี พ.ศ.2563 – 2567 จากภาคเอกชน พบว่า 5 อับดับอุตสาหกรรมที่มีความต้องการอาชีพที่มีความต้องการสูง (Premium Job) ได้แก่

1.อุตสาหกรรมดิจิทัล

2. อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต

3.อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต

4.อุตสาหกรรมพลังงานชีวมวลและชีวเคมี และ

5.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ

ดร.กิติพงค์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ด้านกำลังคนของประเทศไทยว่า มีความท้าทายในเรื่องจำนวนแรงงานบางสาขา ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน เช่น สาขาดิจิทัล สาขาบริการทางการแพทย์และสุขภาพ สาขาปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์

ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับการลงทุนในระยะยาวยังมีอยู่อย่างจำกัด และไม่ทันต่อความต้องการ สอวช.จึงได้จัดทำโมเดลรูปแบบใหม่ในการพัฒนากำลังคนในปัจจุบัน ประกอบด้วย

1.การจับคู่จ้างงานระหว่างผู้ต้องการทำงานกับภาคเอกชนหรือนายจ้าง ซึ่งภาคเอกชนหรือนายจ้างมีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตร

2.การจัดการศึกษารูปแบบใหม่ที่ก้าวข้ามข้อจากัดด้านเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อผลิตกาลังคนทักษะสูงที่ตอบโจทย์ประเทศ และสร้างนวัตกรรมการอุดมศึกษา (Higher Education Sandbox)

3.ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างและยกระดับความสามารถของผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาและพัฒนางานวิจัยในภาคการผลิตและบริการ

4.การพัฒนาแพลตฟอร์มทักษะอนาคตให้ทุกคนเข้าถึงได้

โดยได้มีการขึ้นรูปแพลตฟอร์มรองรับความต้องการจากภาคอุตสาหกรรม มาตรการ Thailand Plus Package เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูงทางด้านสะเต็มและส่งเสริมการจ้างงานบุคลากรผู้มีทักษะสูงสะเต็มด้วย

“บริษัทที่ส่งลูกจ้างเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจาก อว.สามารถนำค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ไปขอยกเว้นภาษีเงินได้ 250%

ส่วนบริษัทในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จ้างพนักงานใหม่ด้านสะเต็ม สามารถนำค่าจ้างพนักงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ไปขอยกเว้นภาษีเงินได้ 150%

และจากการหารือล่าสุดระหว่าง สอวช.กับกรมสรรพากร มีข้อสรุปว่าจะขยายระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการข้างต้นต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 ปี”

ขณะเดียวกัน สอวช. ยังได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท ไอริส คอนซัลติ้ง จำกัด (ไบร์ทเทอร์บี) ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม BrighterBee Talent Solution ที่จะเปิดให้นักศึกษา 2 ล้านคนเรียนฟรี ในหลักสูตรทั้งด้าน Hard skill และ Soft skill รวมกว่า 250 หลักสูตร ซึ่งสามารถต่อยอดจับคู่สถานประกอบการและได้งานทันทีหลังเรียนจบ

ศาสตราจารยพิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์

ทั้งนี้ ดร.กิติพงค์ ยังได้เสนอต่อที่ประชุมถึงกรอบมาตรการการพัฒนากำลังคนทักษะแห่งอนาคตเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีข้างหน้า ครอบคลุม 6 หัวข้อหลัก ได้แก่

1.แพลตฟอร์มทักษะอนาคต (Skill Future Platform) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ถึงความต้องการ การประเมินผล โปรแกรมการอบรม รวมถึงการจับคู่การจ้างงาน

2.บัญชีทักษะอนาคต (Skill Future Account) แนวทางการนำกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Wallet มาใช้

3.ธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank) ทีจะเชื่อมโยงกับสถานศึกษาและหน่วยฝึกอบรมทั้งรัฐและเอกชน เชื่อมโยงไปถึงการเข้าสู่เส้นทางอาชีพของบัณฑิต

4.การปรับเปลี่ยนรูปแบบของมหาวิทยาลัย (University Transformation) ผ่านการพัฒนามาตรฐานหลักสูตร จัดทำหลักสูตรที่แตกต่างไปจากมาตรฐานเดิม และมีการทำงานควบคู่ไปกับการเรียนด้วย

5.กำลังคนศักยภาพสูงของไทย (Talent Thailand) มีการจัดทำคลังรวบรวมกลุ่มที่มีศักยภาพสูง และ

6.สิทธิประโยชน์หรือแรงจูงใจ (Incentive) ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการสนับสนุนด้านการเงิน

ด้านศาสตราจารยพิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า การพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับบริบทโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ในส่วนของบริบทของประเทศไทยอยากให้คิดนอกกรอบและเสริมทักษะในส่วนของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry), เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ครอบคลุมถึงการพัฒนากำลังคนด้านศิลปะ สุนทรียะ กีฬา การท่องเที่ยว การแพทย์ รวมถึงการพัฒนากำลังคนในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่จะเป็นสัดส่วนประชากรสำคัญของไทย ต้องดึงคนเหล่านี้เข้ามาเป็นกำลังของประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศ

นอกจากนี้ ยังแนะให้เห็นถึงการปรับบทบาท ปรับกระบวนทัศน์ ปรับวิธีคิดของนักศึกษาและมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยจะต้องปรับรูปแบบเป็นมหาวิทยาลัยของบริษัทหรือองค์กร (Corporate University) มากขึ้น เช่น แนวทางการจัดการศึกษาในสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติ ทำงานจริงในระหว่างเรียน และสามารถหารายได้ได้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่

ทั้งนี้ ดร.เอนก ได้มอบหมายให้ สอวช. จัดทำแผนพัฒนากำลังคนที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเสนอให้สกัดแผนให้เข้ากับบริบทไทยผสมผสานกับแนวทางจากต่างชาติ ค้นหาในส่วนที่เป็นจุดแข็งของเรา ให้รู้ว่าเราเก่งในด้านไหน เก่งเพราะอะไร เพื่อเสริมตาน้ำให้แข็งแกร่งขึ้น หรือมองหาสิ่งที่เรายังขาดเพื่อเติมเต็มในจุดนั้น ให้ได้เป็นแผนพัฒนากำลังคนที่มีความเข้มแข็ง เห็นแนวทางการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถยกระดับการพัฒนากำลังคนของประเทศไทยได้อย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ ristoranteilcastellaccio.com

UFA Slot

Releated